“ภาษี” เป็นสิ่งที่คุณจะต้องจ่าย ทั้งที่เกิดจากการซื้อขาย บริการ หรือธุรกรรมต่างๆ โดยภาษีจะถูกคิดรวมไปในเงินที่คุณจ่ายออกไปเป็นค่าต่างๆ เมื่อคุณทำธุรกรรมทางการเงิน หรือภาษีรูปแบบอื่นๆ การจ่ายภาษีก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนก็อาจโดนภาษีเยอะ บางคนก็น้อย แต่ยังไงก็จะต้องจ่ายภาษี นอกจากนั้นก็ยังมีภาษีที่คุณต้องจ่ายประจำปีอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าภาษีที่คุณจ่ายไปสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ แต่จะมี วิธีขอคืนภาษี อย่างไร?
วันนี้ นรินทร์ทอง จะมาบอกวิธีการขอคืนภาษี พร้อมวิธีเช็คสถานะการขอคืนภาษี ที่บอกเลยว่าอ่านแล้วคุณจะเข้าใจเรื่องภาษีมากยิ่งขึ้น และภาษีจะไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลยดีกว่า!!
ภาษีไหนที่สามารถขอคืนภาษีได้ ?
การขอคืนภาษี ไม่ใช่ว่าจะขอคืนได้ทุกคน หรือทุกกรณี แต่การขอคืนภาษีก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะไม่สามารถทำการขอคืนภาษีได้ ในกรณีที่เอกสาร และหลักฐานไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง ไม่ชำระจริง ไม่แนะนำให้ขอคืนภาษี เพราะอาจจะไม่ได้ภาษีคืน และอาจจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม ดังนั้นควรตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนทำเรื่องขอคืนภาษี การขอคืนภาษีจะสามารถขอคืนได้ทั้ง
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่จะถูกหัก เมื่อมีการชำระค่าบริการ โดยนายจ้างหรือ ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีหน้าที่นำส่งแก่กรมสรรพากร
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีที่จะต้องจ่ายเวลาที่ทำการซื้อสินค้า หรือบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ หรือภาษีที่จะต้องเสีย หากมีการนำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศ โดยผู้ที่เข้าระบบมูลค่าเพิ่มเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ขอคืนภาษีได้
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีที่ถูกเรียกเก็บจากกิจการบางประเภท เช่น โรงรับจำนำ ธนาคาร หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เป็นภาษีที่จะได้คืนกรณีที่ไม่ต้องชำระ หรือได้ยกเว้นภาษี
ผู้ที่สามารถทำการขอคืนภาษีได้ จะมีด้วยกัน 2 กรณี โดยจะต้องเข้าเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- กรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีภาษีต้องชำระ เป็นกรณีที่เงื่อนไขรายได้ของคุณ ไม่เข้าเกณฑ์การเสียภาษี เช่น มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
- กรณีที่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย มากกว่าภาษีที่ต้องชำระ ในกรณีที่คุณมี ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ชำระไป และภาษีที่ชำระไปเป็นจำนวนเงินมากกว่า แล้วทำการนำส่งภาษีเป็นจำนวนเงินมากกว่ายอดของภาษีที่คุณควรจะต้องเสีย
วิธีขอคืนภาษี ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
หากพูดถึงการขอคืนภาษี หลายคนอาจจะมองว่าขั้นตอนอาจจะยุ่งยาก แต่จริงๆ แล้ว คุณสามารถทำการขอคืนภาษีด้วยตัวเองได้ เมื่อทำการขอคืนภาษีแล้ว เงินภาษีที่จะได้คืนมาจะเป็นเพียงบางส่วนของภาษีที่เราได้จ่ายไป ซึ่งสรรพากรจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งขั้นตอนในการขอคืนภาษีก็ไม่ยากอย่างที่คุณคิด จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง นรินทร์ทอง จะมาบอกขั้นตอนการขอคืนภาษี
เช็คยอดภาษีดูก่อนว่าได้คืนไหม ?
ก่อนที่คุณจะไปทำเรื่องขอคืนภาษี จะต้องทำการเช็คดูก่อนว่ามียอดภาษีที่จะได้คืนหรือไม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ เพราะถ้าหากไม่มียอดภาษีที่จะได้คืนแล้วทำเรื่องขอคืนภาษี แต่กลับมีภาษีที่จะต้องจ่าย อาจทำให้ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น หรือโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังตามมาได้
- ให้คุณเข้าไปที่ เว็บไซต์ของสรรพากร (แบบ ภ.ง.ด. 90)
- จากนั้นเข้าไปที่การยื่นภาษี และในการยื่นภาษีจะมีการบอก ยอดภาษีสุทธิที่ชำระไว้เกิน
- ไปที่ การขอคืนเงิน > เลือกว่าต้องการขอคืน จากนั้นให้ยื่นภาษีให้สมบูรณ์
เมื่อทำการขอยื่นภาษีจนเสร็จเรียบร้อย และกดส่งแบบขอคืนภาษี จะต้องขึ้นว่า “ยื่นแบบสำเร็จ” จึงจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งจะต้องมีหน้าตาของเว็บแบบนี้
โดยปกติเมื่อทำการยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว ก็เพียงแค่รอการดำเนินการของกรมสรรพากรเท่านั้น แต่ก็มีบางกรณี ที่ทางกรมสรรพากรอาจจะให้คุณส่งเอกสารบางอย่างประกอบไปด้วย ซึ่งทางกรมสรรพากรจะแจ้งเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติม
ใครที่สงสัยว่า ภ.ง.ด. 90 / 91 คืออะไรกันแน่ และใครบ้างที่ต้องยื่น สามารถอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลย
>> อ่านบทความ ภ.ง.ด. 90 / 91 คืออะไร? ได้ที่นี่ <<
วิธีการนำส่งข้อมูลเพื่อตรวจสอบ การขอคืนภาษี
เป็นการนำส่งข้อมูล และเอกสาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง รวมถึงสิทธิ์การได้รับภาษีคืน สามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้
- การส่งเอกสาร และตามเรื่องด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร
- การส่ง Fax ไปสอบถาม โดยให้ระบุว่าเป็นใบนำส่งเอกสาร
- การส่งไปรษณีย์ไปสอบถาม โดยให้ระบุว่าเป็นใบนำส่งเอกสาร
- การเช็คผ่านช่องทางออนไลน์ ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่เราแนะนำ เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกต่อการติดตาม ขั้นตอนการตรวจสอบการขอคืนภาษี
*หากส่งเอกสารด้วยตัวเอง ผ่านทาง Fax หรือไปรษณีย์ จะต้องทำการส่ง ใบนำส่งเอกสารไปพร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ต้องการนำส่งไปด้วย ซึ่งใบนำส่งเอกสารสามารถทำการปริ้นต์ออกมาได้จาก เว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยเข้าไปที่เมนู E – Refund แล้วเลือกพิมพ์ใบนำส่งเอกสาร
เมื่อทำการส่งเรื่องขอคืนภาษีไปเรียบร้อยแล้ว จะต้องเข้าไปทำการตรวจสอบข้อมูลด้วยว่าขั้นตอนการขอคืนภาษีของคุณ อยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว โดยการเข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือ www.rd.go.th. > จากนั้นเลือกที่ E – Refund หรือสอบถามการคืนภาษี ซึ่งอยู่ด้านล่าง จากนั้นจะมีหน้าต่างแบบยื่นภาษีขึ้นมา
จากนั้นจะมีหน้าต่างให้กรอกข้อมูลขึ้นมา
- ให้คุณทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ให้เรียบร้อย ได้แก่ ชื่อของผู้เสียภาษี (ไม่ต้องใส่คำนำหน้าชื่อ) เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลให้เรียบร้อย
- เมื่อเช็คข้อมูลแล้ว ให้เลือกที่ “สอบถาม”
จากนั้นจะมีสถานะการยื่นภาษีขึ้นมา ทำให้คุณรู้ได้ว่าการยื่นภาษีของคุณอยู่ในสถานะไหน ตั้งแต่ขั้นการยื่นภาษี > การนำเข้ามูล > การพิจารณาคืนภาษี > การส่งคืนภาษี > ได้รับคืนภาษี
เมื่อทำการเข้าไปตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี จะต้องทำการกรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้ง ซึ่งจะต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง
จะได้เงินคืนจากช่องทางไหนบ้าง ?
เมื่อทำเรื่องขอคืนภาษีจนถึงขั้นตอน “การพิจารณาคืนภาษี” แล้ว คุณสามารถเลือกช่องทางการรับคืนภาษีได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น
- ช่องทางพร้อมเพย์ ที่ทำการผูกบัญชีกับธนาคารออนไลน์ที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ โดยพร้อมเพย์ที่ทำการผูกบัญชีไว้จะต้องเป็นพร้อมเพย์ที่เชื่อมกับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
- ช่องทางบัญชีธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง โดยกรมสรรพากรจะทำการออกหนังสือให้ เพื่อที่คุณจะได้นำไปติดต่อขอเงินภาษีคืนที่ธนาคาร
- ช่องทางการรับเงินผ่านบัตร e – Money หรือ e – Wallet เฉพาะธนาคารกรุงไทย
*กรมสรรพากรทำการยกเลิก การคืนภาษีด้วยวิธีการออกเช็คคืนภาษีไปแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่การยื่นภาษีประจำปี 2561 เป็ยต้นไป ดังนั้นจึงไม่มีการคืนเงินด้วยภาษีปรากฏ บนช่องทางการขอคืนภาษี เพื่อป้องกันการสูญหาย
การตรวจสอบขั้นตอนการขอคืนภาษี จะช่วยทำให้คุณทราบว่าการขอคืนภาษีอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคุณ โดยปกติการขอคืนภาษีกรมสรรพากรจะใช้เวลาในการดำเนินการ ภายในช่วงเวลา 3 เดือน หลังจากวันที่คุณทำการยื่นแบบขอคืนภาษีไป
แต่ในกรณีที่กรมสรรพากรทำเรื่องการคืนภาษีล่าช้า คุณจะได้รับดอกเบี้ยจำนวน 1% / เดือนจากเงินภาษีที่จะได้รับคืน (ดอกเบี้ยจะได้รับตั้งแต่เดือน เมษายน เป็นต้นไป) ซึ่งดอกเบี้ยจะได้จนถึงช่วงที่ได้รับหนังสือสั่งคืนเงิน หรือในขั้นตอนการส่งคืนภาษี และเมื่อถึงขั้นตอนการได้รับคืนภาษีก็เป็นอันเรียบร้อย
สรุปขั้นตอน และ วิธีขอคืนภาษี !!
- ก่อนอื่นให้ทำการเช็คในเว็บกรมสรรพากรว่าคุณมีภาษีพอที่จะสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้หรือไม่
- เมื่อสามารถขอคืนภาษีได้ ให้ทำการเลือกขอคืนภาษี และยื่นภาษีให้เรียบร้อย
- จากนั้นให้เข้ามาตรวจสอบสถานะการติดตาม เรื่องการขอคืนภาษีที่ E – Refund หรือสอบถามการคืนภาษี
- กรอกข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อย และตรวจดูสถานะการดำเนินการว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว
- เมื่อถึงขั้นตอนการได้รับคืนภาษี คุณก็จะได้รับเงินภาษีคืน ตามช่องทางที่คุณได้เลือกเอาไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำการขอคืนภาษีได้แล้ว เห็นไหมละว่าการขอคืนภาษีไม่ยากอย่างที่คุณคิด อย่าปล่อยภาษีที่เราจ่ายไปให้ทิ้งไปเปล่าๆ เพราะคุณสามารถทำการขอคืนภาษีได้ และอย่าลืมที่จะหมั่นเช็คสถานะการดำเนินการขอคืนภาษี เพราะถ้าหากมีการคืนล่าช้า คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากเงินภาษีที่จะต้องได้ เป็นอย่างไรบ้างคะขั้นตอนการขอคืนภาษีที่ นรินทร์ทอง เอามาฝาก หากบทความนี้เป็นประโยชน์ สามารถกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเราได้ เพื่อไม่ให้พลาดบทความเกี่ยวกับบัญชี และภาษีที่มีประโยชน์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น!!
คืนภาษียังไงให้ปังเลือกทำที่นรินทร์ทอง
สำหรับใครที่สนใจจะจดทะเบียนบริษัท ยื่นภาษีอากร หรือทำบัญชีบริษัท ต้องเลือกทำกับ บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี ทำให้มั่นใจได้เลยว่าหากเลือกใช้บริการกับเรา จะทำให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดแน่นอน อยากเติบโตในธุรกิจเลือก Narinthong !!
- บริการส่งภาษีอากร
- บริการจดทะเบียนบริษัท
- บริการทำเงินเดือนพนักงาน
- บริการรับทำบัญชี
นรินทร์ทองอยากให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด
ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339