ธุรกิจโรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงในประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เจ้าของกิจการโรงแรมต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ ภาษีโรงแรม ให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา และลดภาระต้นทุนที่ไม่จำเป็น บทความนี้จะสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมกับเรานรินทร์ทอง
ภาษีโรงแรม ที่สำคัญสำหรับธุรกิจ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ธุรกิจโรงแรมที่ดำเนินการในนามบุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมาย หากมีรายได้เกิดขึ้นจากการให้บริการที่พัก โรงแรม หรือรีสอร์ต เจ้าของกิจการต้องนำรายได้ดังกล่าวมาคำนวณภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีต่อกรมสรรพากร
รูปแบบเงินได้ธุรกิจโรงแรม จัดอยู่ใน เงินได้ประเภทที่ 8 ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเงินได้ประเภทนี้ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี ได้แก่:
- หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา: สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของรายได้ โดยไม่ต้องใช้หลักฐานค่าใช้จ่าย
- หักค่าใช้จ่ายตามจริง: สามารถหักค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริงได้ แต่ต้องมีเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษี
โดยต้องยื่นภาษี 2 ครั้งต่อปี ได้แก่
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากลางปี (ภ.ง.ด.94): ยื่นภายในเดือนกันยายนของปีภาษีนั้น โดยคำนวณจากรายได้ครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน)
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี (ภ.ง.ด.90): ยื่นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป โดยคำนวณจากรายได้ตลอดทั้งปี
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ธุรกิจโรงแรม ในกรณีห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ที่มีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราที่กำหนด โดยปัจจุบันมีอัตราอยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล
โดยต้องยื่นและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล ปีละ 2 ครั้ง
-
- ภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51): ยื่นภายใน 2 เดือนหลังจากสิ้นสุดครึ่งปีแรกของรอบบัญชี โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ
-
- ภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด. 50): ยื่นภายใน 150 วันหลังจากสิ้นสุดรอบบัญชี โดยคำนวณจากผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงในปีภาษีนั้น
- ภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด. 50): ยื่นภายใน 150 วันหลังจากสิ้นสุดรอบบัญชี โดยคำนวณจากผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงในปีภาษีนั้น
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ธุรกิจโรงแรมที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และเรียกเก็บภาษี 7% จากบริการต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ฟิตเนส สปา ซักรีด และค่าห้องประชุม ผู้ประกอบการจึงต้องออกใบเสร็จรับเงินแทนใบกำกับภาษี โรงแรมที่จด VAT ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยนำส่งภาษีที่เก็บจากลูกค้า และคำนวณกับ VAT ที่จ่ายไปกับค่าใช้จ่ายของธุรกิจ
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับ ธุรกิจโรงแรม ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะถูกคำนวณจากมูลค่าประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ โดยมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามประเภทการใช้ที่ดิน สำหรับธุรกิจโรงแรมที่ใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ อัตราภาษีจะอยู่ที่ 0.3% ถึง 0.7% ของมูลค่าประเมิน ซึ่งอัตราภาษีนี้จะขึ้นอยู่กับการประเมินของหน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), กรุงเทพมหานคร และ เมืองพัทยา โดยหน่วยงานเหล่านี้จะทำการประเมินมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ของตน และจะมีการจัดส่งจดหมายการประเมินมูลค่าไปยังเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในทุกๆ ปี
เจ้าของธุรกิจโรงแรมจะต้องยื่น แบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต่อหน่วยงานเหล่านี้ทุกปี และชำระภาษีตามมูลค่าประเมินที่ได้รับจากการประเมินของหน่วยงานท้องถิ่น
ภาษีหัก ณ ที่ จ่าย
ธุรกิจโรงแรมมีภาระหน้าที่ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายเมื่อจ่ายค่าบริการ ค่าจ้าง หรือค่าเช่าให้กับบุคคลหรือบริษัท ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่าบริการทั่วไปและค่าจ้างบริษัทหัก 3% ค่าเช่าหัก 5% และดอกเบี้ยหัก 1% จากนั้นต้องนำส่งภาษีที่หักไว้ให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปโดยใช้แบบ ภ.ง.ด. 3 หรือ ภ.ง.ด. 53
ภาษีป้ายสำหรับธุรกิจโรงแรม
ธุรกิจโรงแรมต้องเสีย ภาษีป้าย หากมีป้ายแสดงชื่อ โลโก้ หรือโฆษณา โดยคำนวณจากขนาดป้ายและประเภทตัวอักษร (ภาษาไทยถูกกว่า ภาษาอังกฤษมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า) โดยอัตราภาษีเริ่มต้นที่ 5-50 บาทต่อ 500 ตร.ซม.โรงแรมต้องยื่นแบบและชำระภาษีต่อหน่วยงานท้องถิ่น ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี หากติดตั้งหรือเปลี่ยนป้ายใหม่ ต้องแจ้งภายใน 15 วัน หากละเลยอาจถูกปรับ เจ้าของธุรกิจโรงควรวางแผน และ ตรวจสอบ อย่างรอบคอบเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
วิธีวางแผนภาษีกับการเปิดธุรกิจโรงแรม

- จัดเตรียมระบบการชำระเงิน
ธุรกิจโรงแรมควรเตรียมระบบการรับชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้งเครื่อง EDC (เครื่องรูดบัตร) หรือการรับเงินผ่าน QR Code เพื่อความสะดวกแก่ลูกค้า นอกจากนี้ควรตรวจสอบระบบ POS (Point of Sale) เพื่อจัดการการจ่ายเงิน และภาษีได้อย่างถูกต้อง - การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
แนะนำให้ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับธุรกิจโรงแรมที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้สามารถเรียกเก็บ 7% VAT จากบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าห้องพัก (หากมีบริการเพิ่มเติม) ค่าบริการอาหารและเครื่องดื่ม โดยต้องตั้งค่า เครื่อง POS ให้สามารถแยกรายการที่มี VAT และไม่มี VAT ได้ - การจัดการทรัพย์สินในโรงแรม
ควรจัดทำรายละเอียดทรัพย์สินในโรงแรม เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ภายในห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยแบ่งแยกรายการเป็นประเภทต่างๆ และระบุ มูลค่า และ อายุการใช้งาน เพื่อคำนวณค่าเสื่อมราคาในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดภาษีที่ต้องจ่ายได้ - ที่ดินและอาคาร
หากโรงแรมเช่าที่ดินจากบุคคลอื่น ต้องหัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% และนำส่งให้กรมสรรพากรทุกเดือน หากลงทุนสร้างอาคารเอง ควรทำสัญญาก่อสร้างที่ชัดเจน พร้อมทั้งบันทึก ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และค่า ตกแต่งภายในอาคาร เพื่อคำนวณ ค่าเสื่อมราคา ในอนาคต - การจัดการเงินเดือนพนักงาน
ควรตั้งระบบการจ่ายเงินเดือนให้มีความชัดเจน โดยแบ่งแยกระหว่างพนักงานประจำที่มีการส่ง ประกันสังคม และการยื่น ภ.ง.ด.1 ทุกเดือน หากจ้างบุคคลภายนอกหรือผู้รับเหมาช่วง ต้อง หักภาษี ณ ที่จ่าย 3% และนำส่งให้กรมสรรพากรตามกฎหมาย - การจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ
เมื่อโรงแรมเริ่มดำเนินกิจการในนามบริษัท ควรตรวจสอบให้ดีว่า ใบเสร็จ หรือ ใบกำกับภาษี ต้องออกในชื่อของบริษัท เพื่อให้สามารถบันทึก ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าอาหาร ค่ายา หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในโรงแรมเป็น ค่าใช้จ่ายของบริษัท ได้
ใครที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือกำลังวางแผนที่จะเปิดโรงแรม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ภาษีป้าย และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย การเข้าใจภาษี ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนในการดำเนินธุรกิจ หากเจ้าของธุรกิจโรงแรมคนไหนไม่มั่นใจในการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับภาษี หรือมีข้อสงสัยในด้านอื่นๆ สามารถใช้บริการจากสำนักงานบัญชี นรินทร์ทอง เพื่อให้การดำเนินการภาษีของคุณเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การเสียภาษีไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ที่นรินทร์ทอง!
บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด สำนักงาน รับทำบัญชี และจัดทำงบการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีและภาษี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339