การเปิดคลินิกเสริมความงาม นอกจากจะเตรียมความพร้อมด้านการทำบัญชีแล้ว ก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับภาษีที่ต้องจ่ายด้วยเช่นกัน เนื่องจากรายได้จากการประกอบธุรกิจเสริมความงาม มีเข้ามาหลากหลายช่องทาง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการเกิดความสับสนได้ว่า คลินิกเสริมความงามยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ความจริงแล้วมีทั้งที่ได้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และบางอย่างก็ต้องนำมารวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามท่านใด ที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ ภาษีที่ต้องเสียหลังเปิดคลินิกเสริมความงาม เพราะมีข้อสงสัยว่า คลินิกความงามเสียภาษีอะไรบ้าง? ในบทความนี้ นรินทร์ทอง ได้รวบรวมคำตอบมาไว้ให้คุณแล้ว!
รายได้ ค่าใช้จ่าย หลังเปิดคลินิกเสริมความงาม
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงาม สามารถทำได้ทั้งในนามบุคคลธรรมดา และแบบจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่แนวทางการบริหารจัดการจะมีความแตกต่างกันบ้างบางส่วน ทั้งในเรื่องของรายได้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง รายได้ และ ค่าใช้จ่าย ของกิจการคลินิกเสริมความงามหลักๆ ที่ต้องเสียจะมีรายละเอียดดังนี้
- รายได้ – แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รายได้โดยตรง และ รายได้เสริมต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น รายได้ที่เกี่ยวกับการศัลยกรรมใบหน้า หรือ การรักษาดูแลผิวพรรณ, ฉีดโบท็อกซ์, ร้อยไหม, รักษาสิว, รักษารอยด่างดำ ฝ้า กระ, อาหารเสริม, อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการรักษา รวมถึงค่าบริการที่ปรึกษาแพทย์
- ค่าใช้จ่าย – มีทั้งแบบเกี่ยวข้องกับกิจการโดยตรง และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ เช่น ค่าจ้างแพทย์ประจำ, แพทย์ Part-time, ผู้ช่วยแพทย์, เงินเดือนพนักงาน, ค่าเช่า, ค่าซ่อมแซม, ค่าส่งเสริมการขาย, ค่าประกันภัย, ค่าที่ปรึกษา, ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าโทรศัพท์, ค่าอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ภาษีที่สำคัญ สำหรับคลินิกเสริมความงาม
เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่เข้าใจว่า คลินิกความงามเสียภาษีอะไรบ้าง ต้องเสียตอนไหน? ในหัวข้อนี้ นรินทร์ทอง เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับ ภาษีที่สำคัญสำหรับคลินิกเสริมความงาม มาอธิบายให้เพื่อนๆ ทุกคนได้เข้าใจกัน ซึ่งนอกจากรายได้และค่าใช้จ่ายที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้นแล้ว คลินิกเสริมความงามยังต้องเสียทั้งภาษีเงินได้อีกด้วย โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีดังนี้
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมีความซับซ้อนยุ่งยากกว่านิติบุคคล เนื่องจากรายได้ของคลินิกมีหลายช่องทาง ทำให้ผู้ประกอบการต้องทราบรายได้ต่างๆ ที่เข้ามาก่อน ว่าจัดอยู่เงินได้พึงประเมินมาตราไหนบ้าง เพื่อนำไปยื่นภาษีได้ถูกต้อง โดยวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะต้องนำรายได้ทั้งหมดตลอดปีมารวมคำนวณภาษี อัตราภาษีสูงสุด 35% โดยมีสูตรคำนวณ 2 แบบ คือ
แบบที่ 1 (รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย (สำหรับรายได้ไม่ถึง 1 ล้านบาทต่อปี)
แบบที่ 2 รายได้ (ยกเว้นเงินเดือน) x 0.5% (สำหรับรายได้เกิน 1 ล้านบาทต่อปี)
เมื่อได้ผลลัพธ์แล้ว ให้นำผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณทั้ง 2 แบบ มาเปรียบเทียบกัน โดยให้เลือกแบบที่ได้ตัวเลขมากกว่าไปยื่นภาษี ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีเงินได้ปีละ 2 ครั้ง คือ ภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) ให้นำรายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน ของปีภาษีนั้น มายื่นภาษีช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ของปีที่มีเงินได้ และ ภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.90) ให้นำรายได้ช่วงเดือนมกราคม – ธันวาคม ของปีภาษี ยื่นภาษีตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม ของปีภาษีถัดไป
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ส่วนคลินิกเสริมความงาม ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคล ในส่วนของรายได้และค่าใช้จ่าย รวมถึงการเสียภาษีคลินิกเสริมความงาม ไม่ได้คำนวณจากรายได้ แต่คำนวณจากกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว โดยใช้วิธีคำนวณภาษีจากกำไรสุทธิ อัตราสูงสุด 20% และต้องมีการทำบัญชี งบการเงิน ภาษี โดยนักบัญชีที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายกำหนด พร้อมส่งงบการเงินให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และส่งภาษีให้กับกรมสรรพากร ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีเงินได้ปีละ 2 ครั้ง คือ ภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) สำหรับรอบครึ่งปี และ ภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.50) สำหรับรอบสิ้นปี
ภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับคลินิกเสริมความงาม
การทำธุรกิจคลินิกเสริมความงาม มักจะมีความสับสนในเรื่องของการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากคลินิกเสริมความงาม มีทั้งการบริการและการขายสินค้าควบคู่ไปด้วย รายได้ที่เข้ามาจึงมีหลายรูปแบบ ทำให้ลักษณะบริการและขายสินค้าสำหรับ คลินิกเสริมความงามยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แตกต่างกันตามหลักการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
เป็นรายได้จากการประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยกิจการต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ซึ่งได้ให้บริการแก่ผู้ป่วย ณ สถานประกอบการตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล เช่น การทำศัลยกรรม, ฉีดสิว รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เข้าลักษณะการให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
รายได้ที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
คือรายได้อื่นๆ ของคลินิกเสริมความงาม ที่ได้รับโดยไม่ต้องมีข้อแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น การขายอาหารเสริม การขายครีมบำรุง หรือหากกิจการไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล การให้บริการดังกล่าวทั้งหมด จะไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการรักษาพยาบาล ของสถานพยาบาลตามกฎหมาว่าด้วยสถานพยาบาล จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และเป็นการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
สรุป คลินิกความงามเสียภาษีอะไรบ้าง ให้ นรินทร์ทอง ช่วยวางแผน
หลังจากที่ได้ทราบถึงข้อมูลการเสียภาษีทั้ง 2 รูปแบบ ของคลินิกเสริมความงามแล้ว นอกจากเรื่องภาษีที่ทางเราได้อธิบายไว้ในข้างต้น ยังมีภาษีที่เกี่ยวข้องอีกมากมายที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีป้าย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วผู้ประกอบกิจการอย่าลืมให้ความสำคัญ กับการเสียภาษีคลินิกเสริมความงามในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ถ้าจะให้ดีแนะนำว่า ต้องหาสำนักงานบัญชีที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติตรงตามกฎหมายกำหนด และมีผลงานการันตีควมน่าเชื่อถือ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบ
หากผู้ประกอบการคลิกนิกความงามท่านใด ที่กำลังมองหาสำนักงานบัญชีได้มาตรฐาน จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีโดยตรง ขอแนะนำ บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด สำนักงาน รับทำบัญชี และจัดทำงบการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีและภาษี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339
