ไม่ว่าใครก็ตามที่เริ่มทำธุรกิจ ก็คงต้องเจอปัญหามากมายหลายเรื่อง และต้องทำความเข้าใจสิ่งใหม่ๆอีกมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เรามักไม่คุ้นชินเลยนั่นก็คือ นิติบุคคล มันเกี่ยวข้องยังไงกับการดำเนินธุรกิจของเรา สำหรับคนธรรมดาคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่จะไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก แต่สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มก่อตั้งจดทะเบียนบริษัทหรือกิจการใด ๆ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจให้มั่นคง วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงเรื่องนิติบุคคลกันว่านิติบุคคล คือ อะไร และเราควรที่จะทำธุรกิจในรูปแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเรา
นิติบุคคล คือ ?
นิติบุคคลในภาษาอังกฤษเรียกว่า (Juristic Persons) คือ เป็นบุคคลที่กฎหมายสมมุติขึ้น อาจจะเป็นกลุ่มบุคคลหรือองค์กรก็ได้ เช่น นิติบุคคลหมู่บ้าน ซึ่งนิติบุคคลเกิดขึ้นได้โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเท่านั้น ให้มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบเหมือนกับบุคคลธรรมดา ดังนั้น นิติบุคคลจึงมีความสามารถเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา เช่น
- ความสามารถในการทำนิติกรรมสัญญา
- สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่ดิน เงิน
- หน้าที่ในการเสียภาษี
- การเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้
อย่างไรก็ตามสิทธิและหน้าที่บางอย่างนิติบุคคลก็ไม่สามารถทำได้เหมือนกับบุคคลธรรมดา เช่น การจดทะเบียนสมรส สิทธิในครอบครัว สิทธิทางการเมือง เป็นต้น
ประเภทของนิติบุคคล
นิติบุคคล ตามที่กฎหมายไทยได้บัญญัติไว้ สามารถแยกออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ
- นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด
- นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น คือ นิติบุคคลตามกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น พระราชบัญญัติมหาชนจำกัด พระราชบัญญัติสหกรณ์ เป็นต้น
นิติบุคคลมีไว้ทำอะไร? แตกต่างจากบุคคลธรรมดาด้านใดบ้าง?
การทำธุรกิจรูปแบบบุคคลธรรมดา
เหมาะสำหรับ ธุรกิจขนาดเล็ก มีความคล่องตัวในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในทางธุรกิจ ไม่ต้องเสียเงินให้แก่ผู้ตรวจสอบบัญชี ไม่ต้องทำบัญชีธุรกิจเพื่อส่งให้กรมสรรพากร แต่!! การดำเนินธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดามีความสะดวกสบายก็จริง แต่ก็จะมีความเชื่อถือน้อยเพราะมีความเสี่ยงสูงในแง่ความรับผิดในหนี้สิน เนื่องจากเจ้าของธุรกิจต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด หากธุรกิจล้มละลาย เจ้าของบริษัทก็ต้องล้มละลายไปด้วย
การทำธุรกิจรูปแบบนิติบุคคล
เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง และธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่สามารถมีเพียงคนเดียวได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลในรูปแบบห้างหุ้นส่วน หรือ บริษัท ก็ตาม มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะ การเป็นนิติบุคคลทำให้บรรดาหุ้นส่วนสามารถจำกัดความเสียหายของเงินลงทุนไว้ได้แค่ส่วนที่ลงทุนไปในบริษัทเท่านั้น แต่การดำเนินธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลก็จะมีความซับซ้อนมากกว่า ต้องมีการจัดทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชี พร้อมทั้งมีผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี เพื่อให้การทำบัญชีถูกต้องตามหลัก ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เล็กน้อยสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก มันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ธุรกิจเล็กหลาย ๆ เจ้าจำนวนมากจึงเห็นว่าไม่คุ้มค่าพอ ที่จะปรับธุรกิจตัวเองเป็นนิติบุคคล
ความสำคัญของ นิติบุคคล คือ
- นิติบุคคลเสียอัตราภาษีที่ต่ำกว่า
- ได้รับยกเว้นภาษีจากกำไรสุทธิ 3 แสนบาทแรก
- เสียภาษีในอัตรา 15% ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 3 แสนบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
- เสียภาษีในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป
แต่ในกรณีที่ไม่ใช่กิจการ SME สำหรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นอยู่ในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิเท่านั้น
เพิ่มเติม : หากธุรกิจทั้งสองแบบมีผลประกอบการขาดทุนทางภาษี ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลสามารถนำผลขาดทุนดังกล่าวไปใช้เป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีถัดไปได้ถึง 5 รอบระยะเวลาบัญชี (ไม่เกิน 5 ปี)
2. การเป็นนิติบุคคลนั้นทำให้ธุรกิจดูมีความน่าเชื่อถือกว่าธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา ทำให้สถาบันทางการเงินมีความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจ
3. การเป็นนิติบุคคลนั้นจะต้องแยกระหว่างเงินของธุรกิจและเงินส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เกิดความไม่สับสนระหว่างเงินทั้งสองส่วน
4. ลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% เป็นการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดของบุคคลธรรมดาไปให้นิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ภายในปี 2560 จาก 2% ของราคาประเมิน เหลือเพียง 0.01%
เราจะได้สภาพนิติบุคคล อย่างไร? เริ่มเมื่อไหร่
เราจะได้เมื่อจดทะเบียนตามกฎหมาย เราจะต้องทำเรื่องยื่นขอกฎหมายรับรองหรือเรียกว่าเป็นการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
สรุป
การที่เราจะทำธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่เราต้องเจอเลยนั่นก็คือการจ่ายภาษี การที่เราจะเลือกทำธุรกิจในแบบบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล ก็อยู่ที่ว่าลักษณะการดำเนินกิจการของเราเป็นอย่างไร จะดำเนินไปในทางไหนและมีวัตถุประสงค์อย่างไรบ้าง หากเราเป็นธุรกิจขนาดเล็กคงไม่อยากจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพราะนั่นหมายถึงการเพิ่มภาระให้กับเราเอง แต่ถ้าเราเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะช่วยให้เราได้เปรียบทางด้านความน่าเชื่อถือมากขึ้น และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย อย่างไรก็ตามการจดทะเบียนทั้งสองประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ดังนั้นผู้ประกอบการควรศึกษาและควรดูองค์ประกอบหลายๆด้านให้ดี ว่าจะดำเนินธุรกิจไปในทิศทางไหน
ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339